มือถือ: 094 864 9799



3 รูปแบบในการทำธุรกิจ บุคคลธรรมดา VS ห้างหุ้นส่วนจำกัด VS บริษัทจำกัด

3 รูปแบบในการทำธุรกิจ บุคคลธรรมดา VS ห้างหุ้นส่วนจำกัด VS บริษัทจำกัด

รูปแบบในการทำธุรกิจ บุคคลธรรมดา VS ห้างหุ้นส่วนจำกัด VS บริษัทจำกัด

ท่านผู้อ่าน หรือผู้ประกอบกิจการที่ปัจจุบันทำธุรกิจในรูปบุคคลธรรมดาอาจมีข้อสงสัยว่าการทำธุรกิจบุคคลธรรมดาและในรูปนิติบุคคล เช่น บริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร ควรจะทำธุรกิจในรูปแบบบุคคลธรรมดา หรือทำธุรกิจในรูปแบบนิติบุคคล โดยการจดทะเบียนบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัดดี

กรีนโปร เคเอสพี ขอสรุปถึงรายละเอียด ของการทำธุรกิจในรูปแบบของบุคคลธรรมดา และ นิติบุคคลคือ บริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัดเป็นตารางดังต่อไปนี้ เพื่อให้ท่านผู้สนใจ หรือผู้ประกอบการมีความเข้าใจมากขึ้น

รูปแบบธุรกิจ

  • จำนวนผู้เริ่มก่อตั้ง
  • ผู้บริหารกิจการ
  • ความรับผิดขอบต่อหนี้สินของกิจการ
  • การเสียภาษี
  • หน้าที่ตามกฏหมาย
  • ความน่าเชื่อถือ
  • การระดมทุน
  • อำนาจในการบริหาร

บุคคลธรรมดา

  • 1 คน
  • เจ้าของคนเดียว
  • ไม่จำกัดความรับผิด
  • เสียภาษีบุคคลธรรมดาสูงสุดไม่เกิน 35%
  • ไม่มี
  • ต่ำ
  • ยาก
  • มาก

ห้างหุ้นส่วนจำกัด

  • 2 คนขึ้นไป
  • หุ้นส่วนผู้จัดการ
  • จำกัดเฉพาะหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดชอบ
  • เสียภาษีนิติบุคคล สูงสุดไม่เกิน 20%
  • ทำบัญชี นำส่งงบการเงิน เก็บรักษาบัญชี
  • ปานกลาง
  • ค่อนข้างยาก
  • ปานกลาง ต้องร่วมกับผู้ถือหุ้นอื่น

บริษัทจำกัด

  • 3 คนขึ้นไป
  • กรรมการ
  • จำกัดความรับผิด
  • เสียภาษีนิติบุคคล สูงสุดไม่เกิน 20%
  • ทำทะเบียนผู้ถือหุ้น ทำบัญชี นำส่งงบการเงินจัดประชุมสามัญและวิสามัญผู้ถือหุ้น
  • สูง
  • ง่าย
  • ขึ้นอยู่กับสัดส่วนหุ้นที่ถืออยู่

จากตารางด้านบนน่าจะทำให้ผู้สนใจเข้าใจรูปแบบและข้อแตกต่างของการทำธุรกิจในรูปแบบบุคคลธรรมดา และ นิติบุคคลคือบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัดมากขึ้น ทีนี้เรามาเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียในการทำธุรกิจในรูปบุคคลธรรมดา และนิติบุคคลคือ บริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัดกัน

ข้อดีของการทำธุรกิจในรูปบุคคลธรรมดา

เมื่อกล่าวถึงข้อดีแล้วทีนี้เรามาพิจารณาถึงข้อเสียของการทำธุรกิจในรูปบุคคลธรรมดากัน ทีนี้ท่านผู้สนใจหรือ
ผู้ประกอบการสามารถเปรียบเทียบว่าข้อเสียหรือข้อดีอันไหนมีมากกว่ากัน

ข้อเสียของการทำธุรกิจในรูปบุคคลธรรมดา

  • ถ้าผู้ประกอบการบุคคลธรรมดามีเงินทุนจำกัด ขาดสภาพคล่อง และหรือต้องการขยายกิจการ การที่จะระดมทุนจากผู้อื่นมาร่วมลงทุนในกิจการก็เป็นการทำได้ยาก เนื่องจากไม่มีกฏหมายมาคุ้มครองผู้มาร่วมลงทุนเหมือนการ
    จดทะเบียนบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด จะมีกฏหมายคุ้มครองผู้ถือหุ้นในบริษัทจำกัดหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด
  • ในกรณีที่กิจการมีหนี้สิน เจ้าหนี้มีสิทธิที่จะฟ้องร้องหรือเรียกร้องเอาทรัพย์สินส่วนตัวของผู้ประกอบกิจการบุคคลธรรมดานั้นได้
  • เนื่องจากเป็นการทำธุรกิจในรูปบุคคลธรรมดา ความน่าเชื่อถือก็จะมีน้อยกว่าการทำธุรกิจในรูปบริษัทจำกัดหรือ
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัด ทำให้โอกาสที่จะสรรหาบุคลากร หรือพนักงานที่มีทักษะความรู้ความสามารถมาทำงาน หรือช่วยบริหารกิจการให้เจริญเติบโตนั้น มีได้น้อยกว่าการทำธุรกิจในรูปนิติบุคคลคือบริษัทจำกัดหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด
  • กิจการมีอายุจำกัด ผู้อ่านอาจเคยได้ยินว่ามีเจ้าของกิจการบางรายทำธุรกิจ และเกิดเสียชีวิตไป และไม่มีลูกหลานมาดำเนินกิจการต่อ ก็เป็นอันว่าธุรกิจนั้นต้องเลิกกิจการไปตามอายุของเจ้าของกิจการนั้น แต่ถ้าผู้ประกอบการทำธุรกิจในรูปนิติบุคคลบริษัทจำกัดหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด เมื่อผู้ถือหุ้นได้เสียชีวิตลง กิจการก็ยังคงสามารถดำเนิน ต่อไปได้ โดยการบริหารของกรรมการ หรือผู้ถือหุ้นท่านอื่น โดยที่หุ้นในส่วนของผู้ที่เสียชีวิต อาจโอนเป็นของทายาท หรือขายให้กับผู้ถือหุ้นรายอื่นก็ได้
  • อีกเรื่องนึงที่สำคัญก็คือสิทธิประโยชน์ทางภาษี รายได้จากการทำกิจการของบุคคลธรรมดานั้น ต้องมารวมกับรายได้อื่นๆ ของบุคคลนั้นในการคำนวณภาษี ซึ่งบุคคลธรรมดานั้นมักใช้อัตราค่าใช้จ่ายแบบเหมาจ่าย โดยหักได้ 10-60% ตามประเภทของเงินได้ การทำธุรกิจในรูปบุคคลธรรมดาถึงแม้ว่ากิจการที่ทำในปีนั้นผลประกอบการมีผลขาดทุน ก็ยังคงต้องเสียภาษี แต่ว่านิติบุคคลเสียภาษีเงินได้จากกำไรสุทธิเมื่อขาดทุนก็ไม่ต้องเสียภาษี
  • ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดตั้งเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายเหมือนการทำธุรกิจในรูปบริษัทจำกัดหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด
  • มีข้อกฎหมายที่ควบคุมน้อยกว่าการทำธุรกิจในรูปบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด
  • อำนาจการตัดสินใจของธุรกิจในรูปบุคคลธรรมดา มีความคล่องตัวสูงมากกว่าการทำธุรกิจในรูปบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด เพราะการทำธุรกิจในรูปบุคคลธรรมดานั้นเป็นเจ้าของคนเดียวไม่มีผู้ถือหุ้นท่านอื่นหรือหุ้นส่วน หลายคนที่ต้องตัดสินใจร่วมกัน
  • เมื่อมีเหตุผลให้ผู้ประกอบการต้องเลิกกิจการ การเลิกกิจการจะง่ายกว่าการทำธุรกิจในรูปบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด
  • การทำธุรกิจในรูปบุคคลธรรมดา มีค่าใช้จ่ายในการบริหารงานต่ำกว่า การทำธุรกิจในรูปบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด

มาถึงตรงนี้แล้วท่านผู้อ่านก็พอจะมองเห็นภาพได้มากขึ้น ต่อไปเรามาดูถึงข้อดี-ข้อเสียของการทำธุรกิจในรูปนิติบุคคลก็คือบริษัทจำกัดหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดกัน

ก่อนที่จะพูดถึงข้อดี-ข้อเสียของการทำธุรกิจในรูปแบบนิติบุคคล คือบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด เรามารู้ถึงความหมายของบริษัทจำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัดในเบื้องต้นกัน

  • บริษัทจำกัดนั้นเป็นรูปแบบนิติบุคคลที่มีผู้ร่วมก่อการตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ในที่นี้ความหมายของผู้ร่วมก่อการก็คือ ผู้ร่วมลงทุนที่มาลงทุนในกิจการ และร่วมกันก่อตั้งบริษัทจำกัดขึ้นมาโดยมีฐานะเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำกัดที่จัดตั้งขึ้น ซึ่งผู้ก่อการจัดตั้งบริษัทจำกัดนั้นจะต้องมีอย่างน้อย 3 คนขึ้นไปตามที่กฎหมายกำหนด โดยทั้งนี้ทุนของบริษัทนั้นจะแบ่งออกเป็นหุ้น โดยมีมูลค่าหุ้น หุ้นละเท่าๆกัน โดยผู้ถือหุ้นนั้นอาจจะเป็นผู้บริหารบริษัทหรือไม่ก็ได้ ซึ่งในทางกฎหมายผู้บริหารของบริษัทก็คือกรรมการบริษัทนั่นเอง
  • ห้างหุ้นส่วนจำกัดเป็นรูปแบบนิติบุคคลที่มีบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ตกลงกันเป็นหุ้นส่วนเพื่อร่วมทำกิจการค้าเพื่อให้ได้กำไรมาแบ่งปันกัน โดยกฎหมายกำหนดว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องมีหุ้นส่วน 2 ประเภทได้แก่
  1. หุ้นส่วนประเภทที่จำกัดความรับผิดชอบ เป็นหุ้นส่วนประเภทที่รับผิดชอบไม่เกินจำนวนเงินที่ลงทุนในห้างหุ้นส่วน ซึ่งจะไม่มีอำนาจในการบริหารงานห้างหุ้นส่วนจำกัด โดยในการจัดตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องมีหุ้นส่วนที่จำกัดความรับผิดชอบอย่างน้อย 1 คนหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดชอบ เป็นหุ้นส่วนที่รับผิดชอบในหนี้สินของ
  2. ห้างหุ้นส่วนโดยไม่จำกัดจำนวน และเป็นผู้มีอำนาจในการบริหารห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือเรียกว่าหุ้นส่วนผู้จัดการ โดยในการจัดตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องมีหุ้นส่วนที่ไม่จำกัดความรับผิดชอบอย่างน้อย 1 คน

เมื่อเข้าใจถึงความหมายของบริษัทจำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัดแล้วต่อไปเรามาทราบถึงข้อดี-ข้อเสียในการทำธุรกิจในรูปนิติบุคคลคือรูปแบบบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัดกั

ข้อดีของการทำธุรกิจในรูปนิติบุคคลคือบริษัทจำกัด (Company Limited) หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด (Limited Partnership)

  • การทำธุรกิจในรูปบริษัทจำกัดนั้นมีความน่าเชื่อถือมากกว่าการทำธุรกิจในรูปแบบบุคคลธรรมดา หรือแม้กระทั่งมีความน่าเชื่อถือมากกว่าการทำธุรกิจในรูปแบบห้างหุ้นส่วนจำกัด ซึ่งเป็นนิติบุคคลเหมือนกัน กล่าวคือ การทำธุรกิจในรูปบริษัทจำกัดมีความน่าเชื่อถือมากที่สุด รองลงมาคือห้างหุ้นส่วนจำกัด และบุคคลธรรมดา ตามลำดับ ดังนั้นโอกาสทางธุรกิจของบริษัทจำกัดจึงมีมากกว่าการทำธุรกิจในรูปห้างหุ้นส่วนจำกัด และบุคคลธรรมดาตามลำดับ เช่นกัน ไม่ว่าลูกค้าหรือคู่ค้า ต่างก็อยากจะทำธุรกิจกับนิติบุคคลในรูปแบบบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัดมากกว่าบุคคลธรรมดา เพราะสามารถตรวจสอบสถานะของบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัดในด้านต่างๆ ได้ไม่ว่าจะเป็นสถานะทางการเงิน สถานะผู้ถือหุ้นของบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ตลอดจนกรรมการในกรณีเป็นบริษัทจำกัด หรือหุ้นส่วนผู้จัดการในกรณีห้างหุ้นส่วนจำกัด
  • การทำธุรกิจในรูปบริษัทจำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัด มีความมั่นคง และมีอายุยาวนาน ไม่เลิกกิจการง่ายเหมือนบุคคลธรรมดา ถึงแม้ว่าผู้ถือหุ้นนั้นจะเสียชีวิต หรือเป็นบุคคลไร้ความสามารถ
  • การะดมทุนทำได้ง่าย เนื่องจากบริษัทจำกัดมีความน่าเชื่อถือมากที่สุด รองลงมาคือห้างหุ้นส่วนจำกัด การหาผู้ลงทุนรายใหม่มาลงทุนในกิจการ การขอสินเชื่อจากธนาคาร หรือการกู้ยืมจากผู้ให้กู้ยืม เพื่อนำมาขยายกิจการสำหรับบริษัทจำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัด ก็สามารถทำได้ง่ายตามลำดับความน่าเชื่อถือ และแน่นอน ง่ายกว่าการทำธุรกิจในรูปบุคคลธรรมดา
  • หุ้นของบริษัทจำกัด สามารถขายหรือโอนให้ผู้อื่นได้ การทำธุรกิจในรูปแบบบริษัทจำกัด ถ้าผู้ถือหุ้นต้องการออกจากธุรกิจก็เป็นการง่ายที่จะขายกิจการได้ง่ายกว่า โดยผู้ถือหุ้นสามารถขายและโอนหุ้นในส่วนที่ตนถือหุ้นอยู่ให้กับผู้ถือหุ้นรายอื่น หรือผู้ลงทุนรายใหม่ที่ต้องการเข้ามาซื้อกิจการได้ หรืออย่างที่กล่าวมาข้างต้นถ้าผู้ถือหุ้นเสียชีวิตก็สามารถโอนหุ้นให้ทายาทหรือขายให้บุคคลอื่น หรือผู้ถือหุ้นรายอื่นได้ง่าย ส่วนในกรณีห้างหุ้นส่วนจำกัดก็สามารถเปลี่ยนแปลงผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนจำกัดได้
  • ผู้ถือหุ้นของบริษัทจำกัดนั้นจะรับผิดชอบจำกัดในจำนวนเงินที่ชำระค่าหุ้นที่ตนถืออยู่ หรือรับผิดชอบในหนี้สินของกิจการเพียงมูลค่าหุ้นที่ตนยังชำระไม่ครบเท่านั้น โดยเจ้าหนี้ไม่สามารถไปยึดทรัพย์สินที่เป็นส่วนตัวของผู้ถือหุ้นได้

สำหรับในกรณีห้างหุ้นส่วนจำกัด หุ้นส่วนที่จำกัดความรับผิดจะรับผิดชอบในหนี้สินไม่เกินจำนวนเงินที่ตนลงทุนในห้างหุ้นส่วน

  • เนื่องจากลูกจ้าง หรือพนักงานก็ต้องการความมั่นคงในชีวิตและการทำงานกับองค์กรที่มั่นคง จึงต้องการทำงานกับธุรกิจในรูปแบบบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ตามลำดับความน่าเชื่อถือ มากกว่าการทำงานกับบุคคลธรรมดา ดังนั้นการจะสรรหาพนักงานที่มีทักษะความรู้ความสามารถมาทำงาน หรือมาช่วยบริหารงาน ในบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด จึงเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าการทำธุรกิจในรูปบุคคลธรรมดา
  • การประกอบกิจการในรูปบริษัทจำกัดหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นมีข้อได้เปรียบทางด้านภาษีมากกว่าการประกอบกิจการในรูปบุคคลธรรมดาดังนี้
  • บุคคลธรรมดานั้นมักใช้อัตราค่าใช้จ่ายแบบเหมาจ่าย โดยหักได้ 10-60% ตามประเภทของเงินได้ แต่ว่านิติบุคคลเสียภาษีเงินได้จากกำไรสุทธิ โดยการคำนวนภาษีของบริษัทจำกัดหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดสามารถนำค่าใช้จ่ายของกิจการมาหักออกจากรายได้ เมื่อมีผลกำไรสุทธิเกินกว่าจำนวนที่ได้รับการยกเว้นภาษี แล้วจึงเสียภาษี ถ้าขาดทุนสุทธิ นิติบุคคลนั้นก็ไม่ต้องเสียภาษี

โดยสรุปได้ว่าการทำธุรกิจในรูปบุคคลธรรมดาถึงแม้ว่ากิจการที่ทำในปีนั้นผลประกอบการมีผลขาดทุนก็ยังคงต้องเสียภาษี ในขณะที่นิติบุคคลคือบริษัทจำกัดหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดถ้าผลประกอบการขาดทุนสุทธิก็ไม่ต้องเสียภาษี นอกจากนี้นิติบุคคลยังสามารถยกยอดผลขาดทุนสุทธิไปหักเป็นรายจ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีในปีต่อๆ ไปได้อีกไม่เกิน 5 ปี โดยกรมสรรพากรวางแนวทาง การคำนวณผลขาดทุนสุทธิ ที่นำมาถือเป็นรายจ่ายได้ ดังนี้

(1) ต้องเป็นการขาดทุนสุทธิทางภาษี
(2) ต้องเป็นการขาดทุนสุทธิ ทั้งนี้นับย้อนหลังไปไม่เกิน 5 รอบบัญชี นับจากปีปัจจุบัน
(3) ต้องเป็นการขาดทุนสุทธิ ที่ได้หักกลบกับกำไรสุทธิทางภาษี ในรอบบัญชีที่มีผลถึงกันเรียบร้อยแล้ว

– นิติบุคคลได้รับการยกเว้นภาษี 300,000 บาทแรกจากกำไรสุทธิ (ในกรณีที่ทุนจดทะเบียนที่ชำระไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาท) ในขณะที่บุคคลธรรมดาได้รับยกเว้นภาษี 150,000 บาทจากเงินได้สุทธิ
– อัตราภาษีของนิติบุคคลสูงสุดไม่เกิน 20% ในขณะที่อัตราภาษีบุคคลธรรมดาสูงสุดไม่เกิน 35%

เมื่อเห็นถึงข้อดีของการทำธุรกิจในรูปแบบนิติบุคคลคือบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัดกันไปแล้ว ต่อไปเรามาดูข้อเสียในการทำธุรกิจในรูปบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด

ข้อเสียของการทำธุรกิจในรูปนิติบุคคลคือบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด

  1. การจดทะเบียนบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด มีขั้นตอนตามกฎหมายซึ่งอาจจะยุ่งยาก สำหรับท่านผู้อ่านหรือผู้ประกอบการที่ไม่เข้าใจและไม่มีความรู้ในขั้นตอนการจดทะเบียนจัดตั้ง และยังมีค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนนิติบุคคล
  2. การทำธุรกิจในรูปนิติบุคคลคือบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด มีค่าใช้จ่ายในการบริหารงานสูงกว่าการทำธุรกิจในรูปบุคคลธรรมดา ยกตัวอย่างเช่นค่าใช้จ่ายในการทำบัญชี ค่าใช้จ่ายในการปิดบัญชี จัดทำงบการเงิน และ ตรวจสอบบัญชี ที่บริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องทำตามที่กฎหมายกำหนด แต่ถึงแม้จะเป็นข้อเสียแต่เมื่อมองถึงผลดีของข้อเสียนี้ การทำบัญชีและปิดบัญชี ก็จะช่วยให้ผู้บริหารของบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด สามารถบริหารจัดการทางด้านการเงินของกิจการได้ง่ายขึ้นจากตัวเลขทางบัญชี และงบการเงิน โดยสามารถนำมาวางแผนในการขยายธุรกิจให้ก้าวหน้าและเติบโตต่อไปได้
  3. การเลิกกิจการทำได้ยากกว่าการทำธุรกิจในรูปแบบบุคคลธรรมดา เนื่องจากว่าถ้าเป็นการทำธุรกิจในรูปแบบบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ต้องมีการจดทะเบียนเลิกกิจการ กับทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ต้องดำเนินการชำระบัญชี และถ้ามีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ ก็ต้องไปดำเนินการจดทะเบียนยกเลิกภาษีมูลค่าเพิ่ม กับทางสรรพากร แต่ทั้งนี้ในข้อเสียนี้ ในมุมมองของลูกค้าหรือคู่ค้า ก็อยากจะทำธุรกิจกับกิจการที่เลิกได้ยาก
  4. ต้องมีการนำส่งงบการเงินประจำปีแก่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ชึ่งงบการเงินต้องตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชี

เมื่อผู้ประกอบการ หรือผู้ที่สนใจจดทะเบียนนิติบุคคลได้ทราบถึงรายละเอียด ข้อมูล พร้อมทั้งข้อดี-ข้อเสียในการประกอบกิจการในรูปบุคคลธรรมดา และนิติบุคคลคือบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด โดยพิจารณาแล้วมองเห็นประโยชน์ในการทำธุรกิจในรูปนิติบุคคลคือบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด นั้นมีมากกว่าการทำธุรกิจในรูปบุคคลธรรมดา และมีความสนใจจะจดทะเบียนนิติบุคคลคือบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด เราบริษัทกรีนโป เคเอสพี คอนซัลติ้ง ให้บริการในการจดทะเบียนบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด โดยพนักงานที่มีประสบการณ์ และมีความชำนาญ ช่วยให้การจดทะเบียนบริษัทจำกัดหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดของท่านเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เป็นเรื่องง่าย และรวดเร็ว ด้วยราคาที่ย่อมเยา

*หมายเหตุ บทความนี้ไม่มีผลผูกพันตามกฏหมาย

ความแตกต่างของรูปแบบธุรกิจ รับลงทะเบียนธุรกิจ

สนใจ ลงทะเบียนบริษัท ติดต่อกรีนโปร เคเอสพี คอนซัลติ้ง เบอร์โทร 
02 210 028102 210 0282
มือถือ: 
094 864 9799084 360 4656

ไลน์ไอดี @greenproksp  แสกนคิวอาร์โค้ด หรือคลิกที่ลิ้งค์ด้านล่าง

https://line.me/R/ti/p/%40greenproksp

5/5 - (2 votes)